เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๘ ม.ค. ๒๕๔๘

เทศน์เช้า วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๔๘

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


ถ้าอย่างเรา อย่างเรายังมีโอกาสนะ พวกเรามีโอกาสมากเพราะเรายังมีชีวิตอยู่ สิ่งที่มีชีวิตอยู่มันยังมีโอกาสแก้ไขไง สิ่งที่ตายไปแล้ว คนตายหรือสิ่งที่หมดชีวิต อย่างวัสดุต่างๆ เราจับมันเข้าที่ได้ เราเก็บมันเป็นระเบียบเรียบร้อยได้ แต่ความคิดของเรา เราเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ได้ เราเก็บให้มันเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ได้ แล้วมันคิดเองตามประสาของมันนะ

ถ้าเรามีความคิด เราจัดขบวนความคิดของเรา เหมือนการศึกษา สุตมยปัญญา จัดขบวนความคิดให้มันดีไง

เราต้องศึกษาทฤษฎี ฟิสิกส์ต่างๆ กฎทฤษฎีของมัน เราต้องจำให้ได้ ต้องท่องให้ได้ พอเราท่องได้ เราเอาความคิดนี้มาเปรียบเทียบกับความเป็นไปของโลกว่าเราจะใช้ทฤษฎีอย่างไร นักกฎหมายก็มุมมองในนักกฎหมาย รัฐศาสตร์ก็มองในรัฐศาสตร์ นี่จัดระบบความคิดไง ขนาดจัดระบบความคิดแล้วนะ มันยังมีความขัดแย้งกันตลอดไป เห็นไหม สิ่งที่มีชีวิตมันเป็นสภาวะแบบนั้น สภาวะที่มันดิ้นของมันไป แล้วมันมีกิเลสของมันในหัวใจ มันจะดิ้นรนของมันไปตลอดไป

สิ่งที่ไม่มีชีวิต สิ่งวัตถุต่างๆ เราจับมันเรียง จับมัน มันจะเข้าที่ได้ แต่กว่าจะเข้าที่ได้ เราก็ต้องไปทำมันไง สิ่งที่ทำมัน มันถึงว่าเป็นประโยชน์กับเครื่องอยู่อาศัย คูหาต่างๆ ที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อหลบแดดหลบร้อนต่างๆ หลบความเป็นไปของโลกให้เรามีความสุขพอสมควร

พอสมควรนะ พอสมควรเพราะอะไร เพราะสิ่งนี้มันต้องพลัดพรากจากกันโดยธรรมชาติของมัน เราต้องพลัดพรากจากเขา หรือเขาพลัดพรากจากเราไปแน่นอน สิ่งนี้เป็นแน่นอน แต่เรามีชีวิตของเรา โอกาสที่การกระทำ โอกาสการกระทำ บุญกุศลเราทำตรงนี้ขึ้นมา เพื่ออะไรล่ะ

ทุกคนถามนะ ว่าภัยพิบัติอันนี้เกิดจากกรรมอะไร ทำไมมันตายพร้อมกันมหาศาลขนาดนี้ นี่เป็นภัยอะไร ภัยอะไร

สิ่งที่ภัยอะไร เห็นไหม ในสมัยพุทธกาลนะ เวลาเขายิงสัตว์ได้ อย่างเช่นกระทิง ยิงได้ตัวหนึ่งแล้วก็แบ่งกันกินไง เขาตัดเนื้อเฉือนเนื้อมาแบ่งกันกิน นี่กรรมให้ต่อๆ กันไป

เวลาเรื่องของสงฆ์ อีกามันไปกินเม็ดพริกในวัด แล้วมันไปขี้อยู่ในป่า ต้นพริกนั้นเกิดขึ้นอยู่ในป่า คนริมทางเขามาเก็บพริกนั้นกิน เก็บพริกนั้นกินนะ ของนั้นของสงฆ์ไง

ลักของสงฆ์นั้นไป ของสงฆ์อีกาคาบไปกิน กินจากวัดนั้นไปแล้วไปขี้ ขี้เสร็จแล้วมันอยู่ในป่า เม็ดพริกมันก็งอกงามขึ้นมา กรรมอย่างนี้เรามองไม่เห็นไง เวลาเรามองไม่เห็นขึ้นมา การกระทำร่วมกันโดยที่เราไม่รู้เรื่อง

เวลาทำบุญกุศล เราต้องการทำบุญกุศล เราต้องสร้างบารมีของเรา เวลาสร้างบารมีของเราเพื่ออะไร เพื่อเราเป็นหัวหน้าไง เพื่อให้เรามีบริษัทบริวารไง การกระทำอย่างนั้นก็เหมือนกัน มันมีบริษัทบริวาร ทำไมคลื่นซัดมา ทำไมคนที่อยู่ในเหตุการณ์วิกฤติทำไมไม่ตายล่ะ คนที่รอดพ้นมาทำไมรอดพ้นได้ล่ะ

กรรมมันไม่ถึงที่ไปมันก็รอดพ้นได้ แต่เขาไม่เชื่อนะว่าเรื่องของกรรม พูดถึงเรื่องของกรรมคือการงอมืองอเท้า รอสภาวะแบบนั้น...ไม่ใช่

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่พูดอย่างนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าให้มีความเพียรชอบ ต้องมีการขวนขวาย อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนต้องขวนขวายก่อน ตนต้องพยายามก่อน ถ้าตนไม่พยายามก่อน ตนไม่ขวนขวายก่อน

เช่น การนั่งสมาธิภาวนา การนั่งสมาธิภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา ปัญญาจะเกิดขึ้นมาเราต้องมีการขวนขวาย เราต้องมีการเปิดหัวใจไง ถ้าเรามีศรัทธามีความเชื่อ เราได้กระทำก่อน เรากระทำก่อน เราเปิดโอกาสของเรา เปิดหัวใจของเรา เปิดช่องของปัญญาให้มันเกิดขึ้นมา ปัญญาจากภาวนามยปัญญาเกิดขึ้นมา

ถ้าเราไม่ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ เราไม่ดำเนินการก่อน เหมือนกับตุ๊กตา เอามาจับมันนั่ง มันนั่งตลอดชาติเลย นั่งจนกว่ามันจะเป็นผุยผงไปเลยล่ะ มันได้อะไร เพราะมันไม่มีหัวใจ ถ้าเราไม่ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนก่อน ให้เปิดหัวใจก่อน สิ่งนี้เข้าไม่ได้หรอก สิ่งที่จะเป็นปัญญานี้เข้าไม่ได้

สิ่งที่เป็นปัญญานี้จะเข้าได้ จะเปิดได้ มันต้องมีฐานที่รองรับก่อน ฐีติจิต ความเกิดขึ้นของความรู้สึกทั้งหมด สิ่งที่จุดความก่อเกิดของความคิดอยู่ที่ไหน

แต่โลกเขาจัดขบวนความคิดจากภายนอกไง อาการของมันคือเงาของมันไง เงาของมันคือความคิดที่เกิดดับ แขกจรมา ความคิดเป็นวิญญาณนี้เกิดจากใจ เกิดจากใจเป็นความคิดออกมาจากภายนอก โลกเข้าได้แค่นั้น รู้สึกได้แค่นั้น จะเป็นจิตใต้สำนึก จิตก่อนสำนึก ก็วิเคราะห์วิจัยเอา วิเคราะห์วิจัยเอาโดยจับต้องไม่ได้ เพราะอะไร เพราะคนป่วยไปหาหมอ หมอเขาวิเคราะห์วิจัยแล้วเขาพยายามขุดขึ้นมาเพื่อจะแก้ไขกับจิตใจดวงนั้น นั้นเป็นเรื่องของจิตแพทย์

แต่เรื่องการภาวนามันลึกลับกว่านั้นอีก ลึกลับกว่านั้นเพราะอะไร เพราะมันต้องเข้าไปถึงความเป็นฐีติจิต ถึงความเป็นตัวของจิตตัวนั้น แล้วเกิดทำความสงบขึ้นมาแล้วตั้งมั่นขึ้นมาให้ได้ มันจะเป็นความลึกลับมหัศจรรย์มหาศาลเลย มหาศาล ถึงว่าต้องเป็น อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ

ไม่ใช่ว่าเชื่อกรรมแล้วเป็นผู้ที่งอมืองอเท้า แต่ถึงที่สุดแล้ว สภาวะที่เราห้ามไม่ได้ สิ่งที่เราขัดขวางไม่ได้ ที่ว่าธรรมชาตินี้ยิ่งใหญ่มาก ธรรมชาติทำลายสิ่งต่างๆ ธรรมชาติยิ่งใหญ่มาก แต่ความยิ่งใหญ่นั้นมันเป็นสภาวะที่ว่าถึงคราวถึงเวลาของเขา แล้วสภาวะกรรมที่มันไปประสบพบกันพอดี ถึงประสบพบกันพอดี สภาวะกรรมมันเป็นอจินไตย อจินไตยอย่างนี้ไง มันให้ผลกับสภาวะแบบนั้น

เรื่องของกรรมมันเป็นเรื่องของกรรมอันหนึ่ง แต่เรื่องของศาสนานี้เหนือกรรม เหนือการกระทำต่างๆ ถ้าไม่มีเหนือการกระทำต่างๆ ทำไมมันพ้นจากสิ่งที่ตามมาได้ พ้นจากสภาวกรรมนั้นได้

สิ่งที่กรรมนี้มันให้ผลตลอดไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามหัศจรรย์ขนาดนี้ มหัศจรรย์เข้าใจไงว่าเรื่องของกรรมมันลึกลับ มันยาวไกลมาก แต่ในปัจจุบันในศาสนาของเราให้สอนปัจจุบันไง

ถึงว่าสิ่งที่มีชีวิตอยู่นี่มันดิ้นรนมาก ใจนี้ดิ้นรนมาก มันเป็นความที่ว่าน่าเบื่อหน่ายมาก เห็นไหม เวลาเราต้องการความสุข ต้องการความสงบ ทำไมมันไม่มีความสงบเสียที ทำไมเราอยู่ของเรามันไม่สงบ มันฟุ้งซ่านตลอดไป แล้วสภาวกรรมจะให้ผลกับใจดวงนี้ตลอดไป ให้ผลกับใจดวงนี้ ถ้าทำความอกุศลมันจะให้กับใจดวงนี้ไป ถ้าทำบุญกุศล สิ่งนี้เป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รัตนตรัย

สิ่งที่เป็นพระรัตนตรัยนี้เป็นแก้วสารพัดนึก แก้วสารพัดนึก นึกหรือว่าการกระทำนี้ สิ่งนี้ ที่เราทำสิ่งนี้ ที่เราทำบุญกุศลอยู่นี่ เราทำสิ่งนี้เพื่อรองรับใจไง แก้วสารพัดนึกมันเป็นภาชนะ เหมือนพาหะที่รองรับใจนี้ไป นี่คือบุญกุศล

อามิสทาน ทานนี้พาให้ใจนี้เกิดดี เกิดมีความสุขไป ในเมื่อเรายังไม่มีปัญญาฟันฝ่ากลับออกไปจากอวิชชาความที่ปกคลุมหัวใจที่กิเลสมันปกคลุมใจ เราไม่มีปัญญาที่จะฟันฝ่าไปได้ อย่างนี้ในศาสนาสอน สอนเรื่องของทานก่อน ทาน ศีล ภาวนา ถึงที่สุดแล้ว ต้องกลับมาที่ภาวนา กลับมาชำระหัวใจ

หัวใจที่มันดีดดิ้นอยู่นี่ต้องทำให้มันเป็นสมาธิขึ้นมาได้ ทำให้เป็นสมาธิขึ้นมาได้มันต้องมีความจงใจ มีสติขึ้นมาก่อน สติเกิดจากไหน

สติเกิดจากใจ

สติมาจากไหนล่ะ เราจะซื้อหาจากไหนก็ไม่ได้ เราจะตั้งจากไหนก็ไม่ได้ สติเกิดจากความรู้สึกของเรานี่ ถ้าเรามีสติ มีความรู้สึกของเรา ความเพียรจะเป็นความเพียรชอบ สิ่งที่เป็นความเพียรชอบคือเราตั้งต้นให้ถูกต้อง

ถ้าเราตั้งต้นไม่ถูกต้อง นั่งภาวนากันไปเหมือนตุ๊กตานะ เอามาตั้งไว้ ตุ๊กตาหน้ารถตั้งไว้ แดดเผาจนมันงอมันหงิกมันก็ไม่ได้อะไรหรอก

นี่ก็เหมือนกัน ทำแต่สักแต่ว่า สติไม่ตั้งขึ้นมา มันจะเอาความสงบมาจากไหน ถ้าสงบ สตินี้มาจากไหนล่ะ มันก็มาจากใจดวงที่ฟุ้งซ่านนั่นล่ะ มาจากใจที่ล้มลุกคลุกคลานนั่นล่ะ มาจากหัวใจที่ไม่เอาไหนนั่นล่ะ

แต่ถ้ามันมีศรัทธามีความเชื่อขึ้นมา มันตั้งสติของมันขึ้นมา สิ่งที่เป็นกระทบ เป็นกรรม เราเห็นสภาวกรรมแล้วเราสลดสังเวช เราก็ตั้งสติของเราขึ้นมา ถ้าตั้งสติของเราขึ้นมา เรายังมีอำนาจวาสนา เราไม่เป็นเหมือนเขา เราไม่อยู่ในสถานะที่ทุกข์ยากขนาดนั้น เราก็ตั้งสติขึ้นมา เตือนตนขึ้นมา ถ้าเตือนตนขึ้นมา สติเกิดแล้ว สติเกิดจากหยาบๆ นี่

แล้วสติก็เกิดจากเข้มข้นขึ้นมา เข้มข้นขึ้นมาเพราะเราตั้งขึ้นมาจากใจ สตินี้เกิดจากใจของเรา เกิดจากพลังงานของเราทั้งหมด จะไปหาซื้อจากไหน จะไปจ้างเขายกมาให้ ให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพยายามทำให้เราขึ้นมามันก็เป็นไปไม่ได้ถ้าเราไม่ตั้งของเราขึ้นมาเอง

เพราะมันเป็นนามธรรม แต่มันตั้งขึ้นมาเป็นสติ ถ้ามีสติขึ้นมา ตรงนี้มันไม่เป็นตุ๊กตาแล้ว มันเป็นสติเกิดมาจากใจ เพราะใจดวงนี้มันตั้งมั่นได้ ใจดวงนี้ล้มลุกคลุกคลาน

เหมือนสิ่งที่ของเหลวมันเทลงไปที่พื้น มันจะไหลไปตามพื้นนั้นหมดเลย มันตั้งตัวขึ้นมาไม่ได้ นามธรรมที่เป็นความรู้สึกมันของเหลวที่มันซึมซาบไปกับความรู้สึกทั้งหมด แล้วมันตั้งตัวขึ้นมาไม่ได้ สติทำให้ของเหลวนั้นเป็นของที่เข้มข้นขึ้นมา สิ่งที่เข้มข้นขึ้นมา ตั้งตัวเองได้ขึ้นมา ถ้าสติตั้งต้นตัวเองขึ้นมา สัมมาสมาธิเกิดอย่างนี้

สิ่งที่เป็นสัมมาสมาธิเกิดขึ้นไป พอจิตมันตั้งมั่น จิตมันมีความรู้สึกตัวของมัน ถ้าจิตมีความรู้สึกของมัน มันจะตั้งมั่นขึ้นมาได้อย่างไรล่ะถ้าสติล้มลุกคลุกคลาน สิ่งที่ของเหลวมันไหลไปตามอันนั้น ของเหลวด้วย แล้วมันมีโลภ โกรธ หลง มันมีความร้อนด้วย มันเป็นสิ่งที่เป็นพิษด้วย มันทำให้ใจนี้ทุกข์ยากมาก ใจนีั้ทุกข์ยากมากเพราะอะไร

เพราะความกิเลสมันตัณหาความทะยานอยาก มันหลอกตัวเองไง ฉันเป็นคนฉลาดมาก ฉันเอาเปรียบเขาได้ ฉันยืนบนหัวคนได้ ฉันมีอำนาจบาตรใหญ่ สิ่งนี้มันเป็นของร้อน สิ่งที่เป็นของร้อนแล้วสติมันตั้งได้ไหม มันตั้งไม่ได้เพราะมันทำให้หัวใจนี้เคลื่อนไปกับความรู้สึกอันนั้น

เราถึงต้องตั้งสติขึ้นมายับยั้งมันก่อน ความโลภ ความโกรธ ความหลงให้โทษกับเราขนาดไหน ให้เราทุกข์ยากขนาดไหน สิ่งนี้ไม่ให้ผลประโยชน์อะไรกับเราเลย ในเมื่อเราไม่มีปัญญาชำระมันได้ เราก็ตั้งสติยับยั้งมันก่อน

สติยับยั้งได้ เพราะมันยับยั้งได้ ของเหลวนั้นมันถึงจะเป็นของที่เข้มข้นขึ้นมา มันถึงจะตั้งตัวของมันขึ้นมาได้ สิ่งที่ตั้งตัวขึ้นมาได้เพราะอะไร

เพราะสติสัมปชัญญะ เพราะสภาวกรรมจากภายนอกนั้นเป็นสภาวะกรรมที่ว่ามันให้ผลมา ทำให้ชีวิตเป็นแสนๆ คนต้องตายไป แต่ถ้าเรามีสติของเราขึ้นมา ชีวิตเราก็ต้องตายไปด้วยที่เรารู้สึกตัวของเราเอง เราเห็นชีวิตเรานี้หมดสิ้นไป ตายไปโดยที่เราไม่มีโอกาสจะทำให้เรารอดพ้นจากกรรมได้

แต่ถ้าเรามีสติ เรายับยั้งใจของเราขึ้นมา เราสร้างของเราขึ้นมา มันจะเริ่มให้จิตใจเราไม่ให้ตามโลภ โกรธ หลงไง กลัวจะเสียเปรียบ กลัวจะเสียท่าคนอื่น กลัวไปหมดเลย ไม่ยอมเสียสละไง

ถ้ามันยอมเสียสละขึ้นมา เสียสละโอกาสของเรา เสียสละขึ้นมาทำเพื่อเป็นหมู่สงฆ์ เป็นหมู่คณะขึ้นมา มันจะตั้งต้นของมันขึ้นมาได้ ถ้ามันตั้งต้นขึ้นมาได้ มันเริ่มตั้งตัวของมันขึ้นมาได้ ถ้าตั้งตัวขึ้นมาได้ เราจะไม่ยอมเป็นไปกับสิ่งที่โลกเขาที่ต้องตายไปตามสภาวกรรมนั้น เราจะต้องตั้งสติขึ้นมา แล้วพยายามพิจารณาของเราขึ้นมา ตั้งตนขึ้นมา

แล้วถ้ามันตั้งมั่นขึ้นมาได้ ย้อนไปวิปัสสนา วิปัสสนาเกิดตรงนี้ต่างหาก ปัญญาจะเกิดตรงนี้ต่างหาก ปัญญาที่ชำระอวิชชาที่ปกคลุมใจดวงนี้ไง เราจะไม่ยอมให้อวิชชาปกคลุมใจดวงนี้ให้ตายไปกับอำนาจของมัน ตามอำนาจของมันโดยที่ว่าต้องเวียนตายเวียนเกิดเป็นสภาวกรรมนี้

เวลาเกิดที่ข้าวยากหมากแพงขึ้นมา เกิดที่โลกร้อน โลกเวลามันรุ่มร้อนขึ้นมา เราไปเกิดช่วงที่ว่าโลกมันรุ่มร้อนขึ้นมา ทุกอย่างจะเป็นทุกข์มาก เราไปเกิดที่โลกเจริญขึ้นมา สภาวธรรมชาติรุ่งเรืองมาก เราเกิดในสภาวะแบบนั้น นั่นสภาวะเกิดนะ โลกจะปรับเปลี่ยนอย่างนี้ พระศรีอริยเมตไตรยจะมาตรัสรู้ข้างหน้าต่อไป เพราะอะไร

เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์สร้างบุญกุศลมหาศาลเลย จักรพรรดินี้สร้างบุญกุศลมหาศาลเลย สิ่งที่สร้างบุญมหาศาล โอกาสและจังหวะมันจะเป็นสภาวะแบบนั้น นี่คือเรื่องของกรรมไง

แต่ลัทธิอื่นเขาไม่เชื่อเรื่องกรรมนะ เขาเชื่อเรื่องการเป็นไป การอ้อนวอน การถือเอา แต่เราเชื่อเรื่องกรรม กรรมนี้แปรสภาพไป การกระทำของเรานี่แหละ การทำบุญกุศลของเรานี่แหละ การทำดีของเรานี่แหละ มันจะสร้างสมให้เราไปเกิดในสถานะที่ดีงาม

ทำไมเขาเป็นแสนๆ คนมาตายพร้อมกัน ตายพร้อมกันเพราะเขาสร้างกรรมมาสภาวะแบบนั้น ถ้าเราสร้างคุณงามความดีขึ้นมาพร้อมๆ กัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นางพิมพาปรารถนาเป็นคู่ครอง เป็นคู่กันมา พระอริยสาวกต้องปรารถนา ปรารถนาแล้วสร้างบุญกุศลขึ้นมา เขาปรารถนา แล้วเขาสร้างคุณงามความดีมาเกิดร่วมกัน มาเกิดพร้อมกัน เป็นสหชาติ สิ่งที่เป็นสหชาติคือเกิดพร้อมกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี้เป็นเรื่องยากมาก เรื่องยากมากเพราะอะไร

เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้แจ้งโลกนอกและโลกใน จะสามารถชี้นำเราได้หมด ดวงตาของโลก โลกจากภายนอก โลกจากภายใน เกิดจากใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด แล้วเรามีสิ่งนี้เป็นที่พึ่งอาศัย เหมือนกับเรามีสิ่งที่ว่าคนที่คอยปกป้องดูแลรักษาเรา สิ่งนี้จะเป็นบุญกุศลมาก

แต่นี้เราเกิดไม่ทันตรงนั้น เราเกิดกึ่งพุทธกาล กึ่งพุทธกาล ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังอยู่ เรายังทำสภาวะแบบนั้น นี่คือคนบุญเกิดไง นี่ก็คือกรรมไง กรรมดีไง

เวลากรรมชั่วเกิดขึ้นมาทำให้เราทุกข์ มีความทุกข์เราไม่พอใจ แต่เวลากรรมดีเกิดขึ้นมา ทำไมเราอยากได้ล่ะ เราอยากได้เกิดมาอย่างไร กรรม การกระทำ ถ้าเกิดลอยมาจากฟ้ามาจากไหน

แสงแดดส่องมาทุกคนมีสิทธิ์หมดเลย แต่การกระทำ กรรมจากใจของเรา เห็นไหม เราถึงมีสติ เราถึงมีปัญญา เราถึงมีการเผื่อแผ่ เราถึงต้องมีการให้อภัย การที่ว่าเราต้องยอมไง ยอมเพื่ออะไร

เพื่อโลกมันเป็นแบบนี้ วัน คืน เดือน ปีมันเป็นแบบนี้ ชีวิตมันเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ยอมจำนน เราเข้าใจมัน รู้แจ้งในความเป็นจริงแล้วปล่อยวางไว้ตามความเป็นจริง ชีวิตคือเป็นแบบนี้ แต่ชีวิตนี้เป็นคุณงามความดีไง

ไม่ใช่ชีวิตเป็นแบบนี้แล้วจะเอาเปรียบมัน จะพยายามยับยั้งมัน มันจะเอาเปรียบคนอื่น มันยิ่งทำให้ชีวิตนี้ทุกข์ยากไปมหาศาลเลย

ถ้าชีวิตเป็นแบบนี้แล้วเราเข้าใจแบบนี้ คือพยายามจะทำความโลภ ความโกรธ ความหลง คือสิ่งที่ว่ามันเป็นพิษในหัวใจให้มันเจือจางไป สิ่งนี้เป็นการกระทำของเรา เราต้องทำจากภายใน ถ้าเราไม่มีการกระทำแบบนี้ ไม่มีการเสียสละ ไม่มีการเสียสละทาน มันจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

มันต้องมีการสละออก สิ่งที่สละออกมันถึงจะได้มา สิ่งที่สละออกเป็นวัตถุ แต่จะได้ความสุขนามธรรมขึ้นมา เราสละความคิดออกไปแล้วจะได้ความสงบเข้ามา แล้วเราพยายามสร้างปัญญาขึ้นมา เราจะชำระกิเลสออกไปจากใจ แล้วเราจะพ้นไปจากกิเลส เอวัง